หากพูดถึงความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ต้นไม้คงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มหัศจรรย์ไม่แพ้พืชอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นความเก่าแก่ความสวยงามหรือความแปลกพิลึกทีไม่คุ้นตา มาดูกันดีกว่าว่า ต้นไม้ที่มีความโดดเด่นจนน่ามหัศจรรย์ที่สุดบนโลกใบนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง เราไปรับชมพร้อมกันเลย
1.ต้นเลือดมังกร
ต้นเลือดมังกรอาจจะเป็นต้นไม้ที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะมันมีลักษณะที่ผิดแปลกไปจากต้นไม้ทั่วไปบนโลกของเรา ราวกับว่าอยู่ที่ดวงดาวอื่นก็ว่าได้ ต้นเลือดมังกรเป็นพืชที่พบได้ใน เกาะแก่งหนึ่งของประเทศเยเมน มีสภาพอากาศที่รุนแรง ทั้งร้อนและแห้งแต่ว่าน่าแปลกประหลาดที่พืชและสิ่งมีชีวิตยังดำรงอยู่ได้ความน่าสนใจของต้นไม้ ชนิดนี้ก็คือเมื่อเรากรีดเข้าไปที่ลำต้นหรือเปลือกกิ่งของต้นไม้เลือกมังกรก็จะเห็นว่า จะมีน้ำยางไหลออกมาเป็นสีแดงสดเหมือนเลือกซึ่งนอกจากความแปลกของน้ำยางสีแดงนี้แล้วสิ่งนี้ก็นับเป็นคุณค่าของสิ่งสำคัญทางธรรมชาติ เพราะมันมีสรรพคุณที่ชุมชนชาวอินคา หรือชาวพื้นเมืองชาวเปรูและคนทั่วไป ทั้งทวีปอเมริกาใต้ได้นำมันมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการรักษาฟื้นฟูด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นในการมีส่วนช่วยสมานแผลสมานสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพดังนั้นต้นเลือกมังกรจึงถูกยกย่องว่าเป็นพืชมหัศจรรย์ซึ่งเป็นศาสตร์เก่าแก่ที่ถูกสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษชาวอินคาจากรุ่นสู่รุ่น ตราบจนปัจจุบัน

2.ยูคาลิปตัสสายรุ้ง
ต้นยูคาลิปตัสเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความหอมของใบและเป็นแหล่งอาหารหลักของโคอาล่า แต่คุณรู้หรือไม่ว่าต้นไม้เหล่านี้สามารถมีหลากสีสันได้ที่คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อยูคาลิปตัสสายรุ้งสาเหตุ ที่คนทั่วไปนิยมเรียกต้นยูคาลิปตัสนี้ว่าสายรุ้ง เนื่องจากพื้นที่เปลือกไม้บริเวณลำต้นและกิ่งไม้ของต้นไม้ชนิดนี้ถูกแต่เติมไปด้วยสีสันมากมายอันเกิดจาก กระบวนการทางธรรมชาติที่หลายคนได้เห็นต้นไม้ชนิดนี้เป็นครั้งแรกต่างอดคิดไม่ได้ว่า ใครหนอ ช่างมือบอนเอาสีมาทาต้นไม้แต่เมื่อทราบความจริงเมื่อภายหลังว่าสีสันเหล่านี้ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเมื่อเปลือกต้นยูคาลิปตัสสีรุ้งลอกออก มันจะเผยให้เห็นเปลือกภายในสีเขียวสวยสด เมื่อเวลาผ่านไปก็จะเปลี่ยนเป็นสีต่างๆ ในระยะเวลาแตกต่างกันก็จะมีสีต่างกันไป ได้แก่น้ำเงินม่วงส้มและน้ำตาลแดงลายเส้น ที่มีหลากสีสันเกิดขึ้นเนื่องจากความจริงที่ว่าต้นไม้ไม่ได้ลอกเปลือกทั้งหมดในครั้งเดียวเมื่อเวลาผ่านไปอย่างช้าเปลือกไม้แต่ละชั้นนก็จะค่อยๆหลุดไปในขณะที่ส่วนอื่นๆของต้นไม้ ก็เริ่มแก่แล้วกระบวนการนี้ก็ทำให้ได้ภาพที่น่าตื่นตาราวกับว่ามันเป็นต้นไม้ที่หลุดมาจากหนังแฟนตาซีเลยหละ

3.ต้นแซนด์บ็อกซ์
ถ้าคุณมีโอกาสได้เห็นต้นไม้นี้อยู่ไกล้ๆไม่ต้องตกใจไป เพราะคุณไม่ได้อยู่ในนรกเพราะมันคือต้นไม้ที่มีอยู่จริงบนโลกแถมยังเต็มไปด้วยหนามที่มีชื่อว่าต้นแซนด์บ็อกซ์และอย่างที่เห็นเลยทั่วทั้งบริเวณลำต้นของมันถูกกระจายไปด้วยหนามแหลมคมสีเข้มจนได้รับฉายาว่าเป็นต้นไม้ที่ลิงปีนขึ้นไม่ได้ต้นไม้ต้นนี้มีถิ่นกำเหนิดในเขตร้อนของอเมริกาใต้และป่าดิบชื้นอเมซอน สามารถเติบโตและสูงได้ถึง 90-130 ฟุต โดยมีเปลือกไม้สีเทาที่ปกคลุมไปด้วยหนามแหลมรูปกรวย จนทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าไกล้แถมยางของมันที่มีลักษณะเหมือนกับน้ำนมนั้นหากโดนเข้าจะทำให้เกิดผื่นแดงและอาจตาบอดได้ นอกจากต้นแล้วผลของมันที่ดูเหมือนฝักทองก็แอบอันตรายเพราะเมื่อมันแห้งมันจะกลายเป็นระเบิดเวลาในทันที สามารถกระจายไปในอากาศได้ด้วยความเร็ว 150 ไมล์ต่อชั่วโมงซึ่งนับได้ว่ามีแรงดีดที่เยอะมาก และอาจจะทำให้บาดเจ็บได้แต่ก็ไม่ถึงขั้นระเบิดจริงๆถ้า เข้าตาก็อาจบาดเจ็บหนักเอาเรื่อง

4.ต้นวิสทีเรียในแดนญี่ปุ่น
เมื่อพูดถึงญี่ปุ่นเรามักจะมาชมเทศกาลดอกไม้ไฟต่างๆ คนส่วนใหญ่อาจจะนึกถึงการชมดอกไม้ซากุระที่ทยอยออกดอกบานสะพรั่ง แต่ก็ยังมีต้นไม้ที่มีความสวยงามไม่แพ้กัน นั่นก็คือต้นวิสทีเรีย ในสวนดอกไม้อาชีคากะ ในประเทศญี่ปุ่นที่มีอายุกว่า 144 ปีซึ่งแม้ว่าเจ้าวิสทีเรียต้นนี้ จะไม่ใช่ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแต่มันก็กินพื้นที่ถึง 1990 ตารางเมตร หรือประมาณครึ่งเอเคอและมีอายุประมาณ 1870 ปีเลยทีเดียวและในทั่วไปต้นวิสทีเรียเป็นต้นไม้ดอกที่มีลำต้นแข็งแรงขยายพันธุและเติบโตได้ไวมากดอกของต้นไม้ต้นนี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายกับดอกลาเวนเดอร์ และถาใครอยากไปชมความสวยงามของมันสักครั้งว่ากันว่าช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการมาชมอุโมงวิสทีเรียคือช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม เพราะช่วงนั้นดอกวิสทีเรียจะออกดอกบานสะพรั่ง และสวยงามที่สุด

5.ต้นไวนด์สเวพท์ แห่งสโลปพอยท์
ทางตอนใต้ของนิวซีแลนด์ที่ห่างไกลผู้คนเป็นดินแดนที่มีจุดรับลมที่รุนแรงตลอดเวลาไม่เอื้อต่อการดำรงชีวิต ถ้าถามว่าลมแรงขนาดไหนก็ต้องบอกว่าพัดกันชนิดที่ว่า ต้นไม้ที่อยู่บริเวณนั้นลู่ลมกันไปข้างหนึ่งเลยต้นไวนด์สเวพท์ หรือต้นลู่ลมเป็นต้นไม้ที่มีชื่อเสียงที่สามารถพบได้ในบริเวณ สโลปพอยท์จุดใต้สุดของเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ โดยจุดที่ต้นนี้อยู่ถือว่าเป็นจุดที่ลมแรงและพัดต่อเนื่องจนทำให้ต้นไม้ที่นี่เกิดการปรับตัวโดยบิดลำตัวเอนไปตามทิศทางที่ลมพัดจนเกิดเป็นต้นไม้ที่แปลกประหลาดไม่เหมือนที่ไหนบนโลกนอกจากนี้แล้วพื้นที่สโลปพอยท์ ยังถูกใช้ทำฟาร์มแกะและนอกจากฟาร์มแกะแล้วก็แทบไม่มีมนุษย์หรือสัตว์อื่นๆอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ได้เลย เกาะแห่งนี้ไม่มีถนน ใช้การเดินเท้าเท่านั้นนอกจากกลุ่มต้นไม้ที่สุดแปลกนี้แล้วพื้นที่ ที่มันอยู่ยังถือว่าเป็นสิ่งที่เกิดจากการสร้างสรรด์ของธรรมขาติที่ต่อเนื่องยาวนานจนเกิดเป็นภาพมหัศจรรย์ที่ไม่เหมือนที่ไหนบนโลกใบนี้

6.ต้นสนบริสเทิลโคน
ในโลกใบนี้มีต้นไม้ที่ยืนต้นมากมายหลายสายพันธุบางต้นมีอายุหลายร้อยปี บางต้นมีอายุมากกว่าหนึ่งพันปี และเชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่าต้นไม้ชนิดไหนที่เป็นต้นไม้ที่อายุยืนที่สุดในโลก คำตอบก็คือต้นสนบริสเทิลโคน ต้นไม้ต้นนี้ตั้งอยู่ในป่าเมทาเซล่า ในเทือกเขาไวเมาท์เทนทางตะวันออกของรัฐแคลิฟอเนียโดยมันเจริญเติบโตจากดินที่เป็นหินปูนที่รกร้างยืนหยัดท่ามกลางแรงลมและสภาพอากาศอุณภูมิสูงมากๆลำต้นบิดงอเพื่อให้มันหลุดรอดได้นานและมันยังยืนยงคงทนในสภาพแวดล้อมทุระกันดานมากๆได้ แล้วต้นไม้ต้นนี้อยู่รอดได้นานขนาดนี้ได้อย่างไร ปรากฏว่าต้นไม้ต้นนี้มีลูกเล่นเล็กน้อยประการแรก ต้นไม้เติบโตในที่สูงซึ่งอากาศเบาบางและแห้งซึ่งจะช่วยป้องกันจากโรคและแมลงประการที่สองต้นไม้มีการพัฒนาให้มีการยืดหยุ่นอย่างไม่น่าเชื่อเปลือกของมันหนาและเต็มไปด้วยเรซิ่นที่ช่วยป้องกันมันจากไฟ แมลงละโรคต่างๆเป็นเครื่องที่พิสูจน์ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติจริงๆ
