พืช 7 ชนิดสุดอันตรายที่ไม่ควรเข้าไปไกล้

ในป่านั้นเต็มไปด้วยต้นไม้และพืชพันธุต่างๆมากมาย แต่เชื่อหรือไม่ว่า บางต้นนั้นก็มีพิษร้ายซ่อนอยู่ภายในรูปลักษณ์ที่สวยงามเช่นกัน และบางทีพืชที่ว่าก็สามารถส่งเราไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลได้สบายๆด้วย ฟังดูน่ากลัวจังเลยเนอะ แต่จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย

1.Destroying Angel

ถ้าเป็นบ้านเราการรับระทานเห็ดสีขาวหรือเห็ดนางฟ้านั้นคงจะเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าวันนึงคุณเกิดไปเดินป่าในแถบรัฐ มิจซูรี่ขอสหรัฐอเมริกา แล้วเจอเห็ดสีขาวแบบนี้เข้าอย่าพึ่งคิดว่าจะเด็ดมาใส่ต้มยำเด็ดขาดเพราะถึงรูปร่างของมัน จะบ่งบอกว่าเป็นเห็ดที่ปลอดภัยสามารถรับประทานได้ตามตำราการดูเห็ดป่า แต่จริงๆแล้วภายในนั้นมีสารที่เรียกว่า อมาท็อกซิน ซึ่งถ้าเรากินเข้าไปแล้วช่วงแรกๆจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่อาการของมันเริ่มจะกำเริบขึ้นเมื่อผ่านไปราวๆหลัง 6 ชั่วโมงหรือบางทีต้องรอเป็นวันหรือข้ามวันพิษสงของเห็นนางฟ้าอสรพิษนี้ จะส่งผลให้เกิดอาการท้องเสียอาเจียนไปจนถึงตระคิวรับประทาน และบางครั้งอาจถึงขั้นเสียชีวิตเลย เนื่องจากตับและไตทำงานผิดปกติแถมยังมีนักท่องเที่ยวต่างถิ่นจำนวนไม่น้อยเลยที่ต้องนอนโรงพยาบาลเนื่องจากการบริโภคเห็ดชนิดนี้ เราว่าทางที่ดีไม่ควรบริโภคเห็นที่ขึ้นกลางป่าเลยจะดีที่สุดนะ

2.Poison Ivy

อ่านจากชื่อก็รู้แล้วว่ามันต้องมีพิษร้ายแน่นอน โดยเจาต้นไม้ซึ่งเป็นที่มาของชื่อนึงในตัวร้ายสุดเซ็กซี่จากกาตูนแบทแมนนั้นสมารถพบได้ในป่าที่มี แสงแดดจ้า ในตัวของ Poison Ivy นั้นจะมีน้ำมันที่มีชื่อว่า Urushiol หากมันสัมผัสกับผิวหนังเมื่อไหร่จะทำให้เกิดผื่นแดงคันบวมจนทำให้ท่านเกิดเป็นแผลไปหลายสิบคืน ครั้นจะเผาทำลายควันของมันก็ยัง ทำให้ระบบหายใจเกิดการระคายเคืองอีกจากการวิจัยของอเมริกา พบว่าประชากรสหรัฐจำนวน 85% ที่ไม่สามารถต้านทานพิษร้ายของพีชชนิดนี้ได้ แต่ทางที่ดีหากไปสัมผัสเมื่อไหร่ควรล้างออกทันทีด้วยน้ำเย็นและทาโลชั่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ถ้าหากผิวของคุณเป็นผิวที่แพ้ง่าย อาจจะต้องถึงขั้นไปพบแพทย์กันเลยทีเดียว

3.Sandbox

นี่เป็นต้นไม้ที่รับการขนานนามว่า เป็นต้นไม้ที่ลิงจะไม่ปีนขึ้นไปอย่างแน่นอนแหม อย่าว่าแต่ลิงเลย แม้แต่มนุษย์ถ้าเจอต้นไม้ที่เต็มไปด้วยหนามอย่างกับเปลือกทุเรียน ก็คงไม่กล้าปีนขึ้นไปหรอกต้น Sandbox นั้นสามารถค้นพบได้ในป่าเชตร้อนของทวีป อเมริกาใต้ โดยเฉพาะป่าอเมซอน นอกจากตัวลำต้นยังเต็มไปด้วยหนามแล้วภายในยังมีพิษ ที่สัมผัสเมื่อไหร่ จะทำให้เกิดผื่นคันถ้าเข้าตาก็อาจบอดสนิทได้เช่นกันแต่ชาวพื้นเมืองก็ยังนิยมนำยางของมันไปทำลูกดอกอาบยาพิษ และอีกส่วนของต้นไม้มีหนามที่เรียกได้ว่าน่ากลัวไม่แพ้กัน นั้นก็คือผลของมันนั้นเองแม้ว่า ตัวผลจะดูเหมือนกับฝีกทองก็ตามแต่จริงๆแล้วมันคือระเบิดเวลาแบบออแกรนิค เมื่อถึงเวลาตัวผลมันก็จะระเบิดตู้ม ลูกปรายหรือเมล็ดของมันสามารถพุ่งกระดอนไปได้ถึง 18 เมตรด้วยความเร็ว 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าไปยืนไกล้รัศมีของมัน บอกได้เลยว่าเจ็บสะยิ่งกว่าโดนกระสุน บีบีกันสะอีก

4.Manchineel

ถึงต้นนี้มันจะดูเหมือนกับต้นไม้ที่ออกผลเป็นผลไม้ป่าธรรมดาทั่วไป แต่ความเป็นจริงแล้วเจ้าลูกกลมๆสีเขียวอันแสนน่ากินนี้ ได้รับสมยานามว่า เป็นฝรั่งพิษบ้าง แอปเปิลแห่งความตายบ้าง และถึงแม้ผลไม้ผลนี้ จะมีรสชาติหอมหวานน่ากินมากแค่ไหน แต่ก็อย่าได้เด็กมากินเป็นอันขาดเอฟเฟคของมันไม่ใช่แค่ลงไปนอนกับพื้น รอให้เจ้าชายมาจุมพิษเหมือนสโนไวท์แน่นอน เพราะมันจะเข้าไปเล่นงานทางเดินอาหารทุกส่วนตั้งแต่ปากไปจนถึงลำไส้เลย แม้จะไม่ใช่แค่ผลของมันเท่านั้นที่มีฤทธิน่าสะพึงกลัวเช่นนี้แต่พิษของมันนั้น มีแทบทุกส่วนของต้นแม้กระทั่งการสัมผัสผิวของต้นก็สามารถทำให้ผิวของเราระคายเคืองได้แล้ว ฟังถึงตรงนี้แล้วเชื่อว่า หลายคนคงนึกขึ้นได้ว่าทำไมไม่เผามันทิ้งสะเลยหละ บอกได้เลยว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะว่าพิษของต้นมันยังคงอยู่แม้จะกลายเป็นควันไปแล้วหากเข้ามาในตาของเราเมื่อไหร่ บอกได้เลยว่าไม่ใช่แค่เสียน้ำตาแน่นอน

5.Porcupine Tomato

หรือมะเขือเม่น แค่หนามที่ขึ้นเต็มต้นก็สามารถบ่งบอกได้แล้วว่ามันไม่น่าเข้าไกล้เอาสะเลยแต่นอกจากลำต้นและใบของมันจะเต็มไปด้วยหนามยึกยักมันยังมีสาร ที่พืชใช้ป้องกันตัวเองจากแมลงเข้ามาทำร้ายได้ แน่นอนว่าขนาดแมลงยังอ่วม คนยิ่งไม่ต้องพูดถึงจองห้องพยาบาลได้เลย ถึงพิษสงของมันจะร้ายกาจแค่ไหนแต่ด้วยความสวยงามของตัวดอกทำให้พวกมันนิยมปลูกเพื่อความสวยงามเนื่องจากว่าต้นมะเขือเม่นมีถิ่นกำเนิดในมาดากัสกา และหมู่เกาะแทบมหาสมุทรอินเดีย จึงทำให้มันแพ้อากาศหนาวหากสัมผัสกับอากาศที่ตำกว่าจุดเยือกแข็งกว่าหนึ่งสัปดาห์ เจ้าต้นมะเขือเม่นก็จะเหี่ยวเฉาไปในที่สุด

6.Giant Hogweed

จริงอยู่ที่ดอกไม้นั้นเป็นพืชที่ช่วยสร้างความสวยงาม ให้กับโลกแต่สำหรับดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์นี้ แท้จริงแล้ว มันเป็นวัชพืชร้ายแรงมากสะจนเจ้าหน้าที่รัฐของสหรัฐอเมริกาต้องออกมาเตือนภัยกันเลย เดิมทีดอก Giant Hogweed นั้นเป็นพืชอยู่บนเทือกขาในรัสเซียก่อนจะเข้ามาแพร่พันธุ์ บนแผ่นดินสหรัฐในช่วงศตวรรษที่ 20 บ้างก็ว่ามาจากเมล็ดพันธุ์ในมูลนก ที่อพยบมา บ้างก็ว่าชาวรัสเซียหิ้วขึ้นรถนำมาปลูกเป็นไม้ประดับแต่ที่แน่ๆมันมีสารเคมีชื่อว่า Furanocoumarins ที่จะทำให้ผิวหนังไวต่อแสงแดดมาก จนส่งผลให้เกิดแผลผุกผองและเกิดอาการ แพ้แดดนานเป็นปีเชียวหละ กรมอนามัยของสหรัฐได้แนะนำว่าหาก สัมผัสกับมันเมื่อไหร่ให้ล้างออกด้วยน้ำเย็นทันทีและหมั่นทาครีมกันแดดและใส่ชุดปกปิดบริเวณนั้นจะช่วยให้อาการทุเลาลงไปบ้าง

7.Ohio Buckeye

คงไม่ต้องบอกหรอกว่าเราสามารถพบต้นไม้ต้นนี้ได้ใน ที่ไหนสำหรับต้นไม้ประจำรัฐโอไฮโอ้ ของสหรัฐนี้จะมีจุดเด่นตรงผลกลมๆที่เต็มไปด้วยหนามเล็กๆ มากมายและเมื่อกะเทาะเปลือกออกก็พบว่าด้านในนั้นจะมีเม็ดคล้ายๆถั่วอยู่แต่อย่าคิดจะเอาไปคั่วและรับประทานเชียวหละ เพราะนอกจากจะไม่อร่อยเหมือนเกาลัดแล้วมันยังมีกรดแทนนิค ที่สามารถส่งผลเสียต่อตับและไตของมนุษย์หากบริโภคในปริมาณที่มาก แถมยังก่อให้เกิดโรคภัยต่างๆในภายหลังได้อีกด้วยถึงแม้จะกินไม่ได้ตรงๆแต่เราก็สามารถ สกัดกรดแทนนิคเพื่อใช้ ในปริมาณน้อยสำหรับการแต่งกลิ่นอาหาร และเมื่อก่อนมนุษย์มักจำนำกรดแทนนิคมาใช้เพื่อฟอก เครื่องหนังไปจนถึงผสมกับชาโคและแมกนีเซี่ยมออกไซด์ เพื่อทำเป็นยาถอนพิษครอบจักรวาลมาแล้วด้วยนะเจ๋งสุดๆไปเลย

Related Posts

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *