พวกเรานั้นเคยเรียนกันมาตั้งแต่เด็กๆว่าพืชทั่วไปนั้นใช้คลอโรฟิลล์สังเคราะห์แสงให้กลายเป็นอาหารและมีการใช้รากดูดซึมสารอาหารจากพื้นดินแต่ก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิตจำนวนมหาศาลบนโลกพวกมันไม่ได้เหมือนกันไปสะหมดยังมีพืชอีกบางชนิดที่เลือกจะกินอาหารจากแหล่งที่แตกต่างกันออกไปและสิ่งที่น่าสนใจที่เราได้นำมาเสนอเกี่ยวกับพืชก็คือพวกมันนั้นเลือกที่จะกินเนื้อเป็นอาหาร แค่เกลิ่นมาก็น่าสยองแล้วใช่ไหม หากสนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับพืชกินเนื้อไปด้วยกันมาร่วมอ่านบทความนี้ไปด้วยกันเลยกับ 6 วิธีของพืชที่หันมาล่าเนื้อ เมื่อไม่มีอาหารพืชจำเป็นต้องล่าสัตว์ พืชที่กินเนื้อหรือศัพท์อังกฤษที่เรียกว่า Carnivorous Plant ทั่วโลกมีจำนวนพืชกินเนื้อหลากหลายมากมายถึงเจ็ดร้อยห้าสิบสปีชี่ และสิ่งที่พวกมันเหมือนกันก็คือการมีความสามารถในการจับหรือหลอกล่อเหยื่อจากนั้นพวกมันจะฆ่าเหยื่อและเริ่มซึมซับหรือย่อยเหยื่อนั้นเพื่อนำสารอาหารมาใช้เป็นพลังงานต่อไป มีผู้ที่เสนอวิวัฒนาการได้เริ่มทดลองการปลูกพืชกินเนื้อเหล่านี้เอาไว้และสรุปได้ว่าพวกมันมีวิวัฒนาการแบบเบนเข้าโดยไม่ได้มีความเกี่ยวพันธุ์กันทางพันธุกรรมนั้นก็คือ พวกมันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย แต่ได้ผลลัพธ์ของการวิวัฒนาการไกล้เคียงกันนั่นเอง โดยทั่วไปพวกมันมักที่จะเป็นพืชที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ขาดแคลนสารอาหาร หรือยากต่อการที่จะเจริญเติบโต พวกมันจึงต้องเลือกคิดค้นวิธีที่จะเอาตัวรอดขึ้นมาใหม่นั่นคือวิธิการของการเป็นนักฆ่าตัวอย่างเช่น
เมือกเหนียวของหยาดน้ำคาง
วิธีแรกที่พวกมันใช้คือการรอให้เหยื่อโผล่มาตกที่ใบที่ยืดยาวของมันเมื่อเหยื่อมาจับที่ใบหรือยอดของต้นก็จะต้องติดอยู่กับต่อมต่างๆที่มีเยื่อใสที่เปรียบเสมือนกาวเมื่อเหยื่อตะเกียดตะกายเอาตัวรอดต่อมเหนียวเหล่านี้จะค่อยๆยืดคลุมอย่างรอบด้านจนเหยื่อดิ้นไม่หลุดหลังจากนั้นนเหยื่อจะถูกย่อยลงจนกว่าจะหมดและมันก็จะค่อยๆกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แค่ได้อ่านก็บอกได้เลยว่าเป็นพืชที่น่ากลัวมาก และเป็นอีก 1 พืขที่เลือกวิธีการล่าอาหารที่สยองมากเลยทีเดียว

การตะคลุบของกาบหอยแคลง
กลาบหอยแคลงมีกลีบกับดักสีสันสดใสเปิดดอ้าคอยอยู่อย่างใจเย็นในกลีบจะมีเส้นใยที่คอยดักจับความเคลื่อนไหวของเหยื่อ และเมื่อมันสัมผัสได้กับเหยื่ออกับดักจะทำงานในทันที กลีบทั้งสองข้างนั้นจะประกบเข้าหากันและทำให้เหยื่อติดอยู่ด้านในไม่สามารถดินหรือหลุดออกไปได้ และเมื่อเวลาผ่านไปเหยื่อก็จะค่อยๆถูกย่อยจนในที่สุดก็กลายเป็นอาหารของพืชนักล่าชนิดนี้และเหยื่อของมันนั้น มีตั้งแต่แมลงต่างๆ ไปจนถึงสัตว์ขนาดเล็กเมื่อเหยื่อของมันถูกย่อยสลายจนหมดประโยชน์ กลีบทั้งสองของกาบหอยแครงก็จะอ้าออกอีกครั้งเพื่อรอเหยื่อในรายต่อไปของมัน ลักษณะในการล่าของพืชขนิดนี้ เป็นการล่าที่แทบจะได้ผล100% กันเลยทีเดียว เป็นการล่าที่แยบยลไม่มีแม้แต่สัญญาณเตือนใดๆ สัตว์หรือแมลงขนาดเล็กชนิดไหนที่ได้เผลอเข้าไปในกาบแห่งความตายนี้ไม่มีทางเลยที่จะหนีรอดพ้นจากกับดักของมันไปได้

ถุงกับดักของสาหร่ายข้าวเหนียว
สาหร่ายข้าวเหนียวมีกับดักที่แตกต่างจากสายพันธุ์อื่นๆ พวกมันจะมีถุงที่อยู่ในน้ำโดยภายในจะมีลักษณะเป็นศูนย์ยากาศและมีบานผับที่สามารถเปิดหรือปิดได้ เมื่อสัตว์ที่โชคร้ายรายนั้นหลงเข้ามาเจอถุงนี้จะเปิดออกมาและด้วยความที่เป็นศูนย์ยากาศ เหยื่อนั้นจะถูกดูดเข้าไปติดอยู่ในถุง ภายในเวลาเพียงชั่วพริบตา หรือไม่เกิน1วินาที บางครั้งเหยื่อก็ตัวเล็กพอทำให้สามารถหลุดเข้าไปในถุงได้ทั้งตัวตั้งแต่แรก แต่บางครั้งหากเหยื่อเป็นตัวใหญ่เกินกว่าจะหลุดเข้าไปทันที แต่ถึงแม้จะเป็นตัวที่ใหญ่แต่หากกเหยื่อของมันนั้นยิ่งดิ้นก็ทำให้ยิ่งหลุดเข้าไปในกับดักของมันมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดพวกมันก็กลายเป็นอาหารที่ถูกย่อยจนตายไปในถุงมรณะนี้เอง

กับดักรากของเจนลีเซีย
เหยื่อของเจนลีเซียมีขนาดเล็กกว่าพืชล่าเนื้อชนิดอื่นๆแต่วิธีการล่าของมันนั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กันโดยพวกมันนั้นใช้รากเป็นแหล่งการหาอาหาร เพราะแหล่งอาหารของมันเหล่านี้มาจากใต้ดินรากของเจนลิเซียจะมีช่องว่างที่ใหญ่พอให้เหยื่อขนาดเล็ก อย่างโปรโทซัวสามารถมุดเข้าไปได้แต่ไม่สามารถมุดกลับออกมมาได้ เพราะภายในรากนั้นจะมีลักษณะเป็นขดที่ไม่สามารถสวนทางออกมาได้เหยื่อจึงต้องเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเหยื่ออของมันนั้นเข้าไปจนถึงห้องเชือดที่ไร้ออกซิเจน และเต็มไปด้วยเอนไซน์ สำหรับย่อยอาหารจนเหยื่ออของมันต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ ราวกับว่าเมื่อเหยือนั้นหลุดเข้าไปแล้วก็เหลือแค่เพียง การเดินหน้าเข้าหาความตายเพียงเท่านั้น

หลุมพรางของหม้ออข้าวหม้อแกงลิง
พืชอย่างหม้อข้าวหม้อแกงลิงจะมีกระเปาะพร้อมกับฝาที่ห้อยอยู่เมื่อฝนตกมันจะมีน้ำที่ขังอยู่ในกระเปาะทำให้ลิงต่างๆ สามารถมากินน้ำจากหม้อเหล่านี้ได้และได้หลายเป็นที่มาของชื่อ หม้อข้าวหม้อแกงลิง นั้นเองกระเปาะเหล่านี้มีขนาดที่แตกต่างกันออกไปในบางครั้งมันอาจใหญ่พอที่จะดักหนูทั้งตัวได้เลยทีเดียว โดยกระเปาะเหล่านี้จะมีสีสันเตะตาเหยื่อต่างๆที่หลากหลาย และภายในยังมีกลิ่นหอมของน้ำหวานที่เย้ายวน ให้เหยื่อได้เข้ามาลองเมื่อเหยื่อของมันหลงกล ตกลงไปในกระเปาะ ก็จะพบกับเอนไซน์ย่อยอาหารที่รออยู่ในหลุมนั้นและพื้นผิวของกระเปาะด้านในนั้นก็ลื้นจนทำให้ไม่สามารถที่จะปีนกลับออกมาได้ เมื่อเวลาผ่านไปพวกมันก็จะค่อยๆโดนย่อยลง จนตายลงไปในหลุมพรางนั้นอย่างช่วยไม่ได้แต่ไม่ใช่เพียงแค่หม้อข้าวหม้อแกงลิงเท่านั้นที่มีหลุมกับดักแบบนี้ยังมีพืชอีกหลากหลายพันธุ์กับหลุมพรางอีกหลากหลายรูปแบบที่รอคอยให้เหยื่อตกลงมาสู่หายนะ ที่รอพวกมันอยู่ นักล่าที่ไม่ได้ใช้แค่เครื่องมือเดียว ในบางครั้งเครื่องมือเพียงอย่างเดียวก็ไม่พอพืชบางชนิดจึงต้องมีการประยุกใช้เครื่องมือหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน

หยาดน้ำค้างกับอีกวิธีการล่า
หยาดน้ำค้างที่มีเมือกในการล่าและการตะคลุบแบบเดียวกับดอยแคลงนั่นคือ เมื่อเหยื่อได้สัมผัสกับต่อมที่ยืดรอยู่มันจะหุบเหยื่อเข้ามาอยู่ในกลีบของต้นอย่างรวดเร็วเมื่อเจอแบบนี้เหยื่อก็จะไม่สามารถที่จะหนีรอดออกไปได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าพืชเหล่านี้จะกินสัตว์ที่มีขนาดเล็กและคงไม่ได้เป็นอันตรายต่อมนุษย์อย่างเรา แต่ก็ไม่แน่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป ในอนาคตนั้นอาจจะมีวิวัฒนาการของพืช ที่พร้อมจะงับคุณเข้าไปทั้งตัวก็ได้เพราะขนาดการเปลี่ยนวิธีการหาอาหารหรือการล่า พืชบางชนิดยังสามารถทำได้ จากการเปลี่ยนมาล่าสัตว์เมื่อไม่มีอาหารให้พวกมัน นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่น่ากลัวในอนาคต บางคนอาจจะคิดแค่ว่าพืชนั้นก็แค่ต้นไม้ใบหญ้าธรรมดาที่ไม่มีพิษสงค์แต่หากมันได้วิวัฒนาการไปอีกขั้นหรือมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมากกว่านี้ 5-10 เท่า บอกได้เลยว่าพืชพวกนี้แหละคือสิ่งที่น่ากลัวสำหรับสัตว์ทุกชนิด
