ในสภาวะอากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองเป็นจำนวนมาก ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของใครๆ หลายคน นอกจากการใช้หน้ากากอนามัย และการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงแล้ว คุณยังสามารถทำให้ภายในบ้านของคุณปลอดภัยจากสารพิษต่างๆ ด้วย 5 ต้นไม้ฟอกอากาศ ดูดซับสารพิษ ดังต่อไปนี้ แนะนำบทความเพิ่มเติม : วิธีปลูกกระบองเพชร พร้อมเทคนิคทำให้ออกดอกสวย
Category: ต้นไม้ภายในบ้าน
ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคตึกเป็นพิษ (Sick Building Syndrome) จำนวนไม่น้อย โดยโรคตึกเป็นพิษเป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับมลภาวะภายในอาคารซึ่งมีสาเหตุมาจากสารพิษบางอย่างที่ผสมอยู่ในวัสดุก่อสร้างอาคาร สีที่ใช้ภายในอาคาร และน้ำยาทำความสะอาด เป็นต้น ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการปวดหัว ไอ จาม คลื่นไส้ และหายใจไม่สะดวก โดยอาการดังกล่าวจะดีขึ้นเมื่อผู้ป่วยออกจากตัวอาคาร วิธีหนึ่งที่ใช้แก้ปัญหาโรคตึกเป็นพิษได้คือ การปลูกต้นไม้ที่ช่วยฟอกอากาศไว้ในอาคาร มารู้จักต้นไม้ที่คนญี่ปุ่นนิยมปลูกเพื่อใช้ฟอกอากาศในอาคารบ้านเรือนกันนะคะ ต้นลิ้นมังกร หรือชื่อภาษาญี่ปุ่น Sansuberia (サンスベリア ) ต้นลิ้นมังกร (Sansevieria
เมื่อถึงวัยเกษียณ หลังจากทำงานมาทั้งชีวิต ผู้สูงอายุหลายคนคงรู้สึกว่ามีเวลาว่างมากเกินไป จนนำไปสู่ความเบื่อหน่าย วันนี้ยังแฮปปี้จึงขอแนะนำงานอดิเรกอย่างการ ปลูกต้นไม้ในบ้าน ซึ่งจะช่วยให้สุขภาพกายและสุขภาพใจแข็งแรง แถมยังช่วยทำให้บ้านน่าอยู่ยิ่งขึ้นอีกด้วย ข้อดีของการปลูกต้นไม้ 1. ทำให้กระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวา กระบวนการปลูกต้นไม้ช่วยให้มีการขยับแข้งขยับขา กล้ามเนื้อทุกส่วนได้เคลื่อนไหว ตั้งแต่การขุดดิน พรวนดิน ยกกระถาง รดน้ำ ตัดแต่งกิ่ง ฯลฯ ล้วนแต่เป็นการออกกำลังกายชุดใหญ่ ยิ่งจำเป็นต้องรดน้ำต้นไม้ทุกวัน ก็เท่ากับบังคับตัวเองให้ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ไม่จับเจ่าอุดอู้อยู่ในบ้านทั้งวัน 2.
ปัจจุบันกระแสของการปลูกต้นไม้เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ทั้งในกลุ่มของผู้สูงอายุ วัยทำงาน แม้แต่กลุ่มวัยรุ่นเองก็เริ่มหันมาสนใจการมีต้นไม้ ดอกไม้ ไว้ประดับบ้าน หรืมุมเล็ก ๆ ในห้องนอนส่วนตัวเช่นกัน อีกทั้งยังได้ทั้งเหตุผลในเรื่องของความสวยงาม การคุมโทน อารมณ์ ความรู้สึก เสริมความงดงามทางสถาปัตยกรรม และแน่นอนว่าได้ประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยด้วย แต่ ต้นไม้ในบ้าน จะดีต่อสุขภาพของผู้ที่อยู่อาศัยอย่างไรบ้างนั้น บทความของ Hello คุณหมอ วันนี้ได้นำข้อดีต่างๆ มาให้ทุกคนได้ทราบกัน ต้นไม้ในบ้าน ดีต่อสุขภาพของเราอย่างไรบ้าง
เพราะชีวิตที่เร่งรีบในแต่ละวัน ประกอบกับในเมืองที่ห้อมล้อมไปด้วยตึกและอาคาร ทำให้ผู้คนไม่ค่อยได้สัมผัสธรรมชาติเท่าที่ควร ฉะนั้นเมื่อเราไม่สามารถไปหาธรรมชาติเองได้ก็พาธรรมชาติมาหาเรา ด้วยการซื้อมาปลูกไว้ที่บ้านหรือใครอยู่คอนโด ก็นำมาปลูกไว้ในห้องตามจุดต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งห้องน้ำ ซึ่งก็มีพันธุ์ไม้ให้เลือกพอสมควร ที่เหมาะแก่การปลูกในห้องน้ำ 1. คลาสซูล่า (Crassula Ovata หรือ Jade Plant) ต้นไม้สวรรค์หรือที่รู้จักกันในชื่อต้นใบเงิน เพราะตัวใบมีลักษณะคล้ายกับเหรียญ ออกดอกเป็นสีชมพูหรือสีขาวคล้ายรูปดาวแต่จะเห็นได้ในช่วงฤดูหนาว โดยต้นนี้จัดเป็นประเภทไม้อวบน้ำ สามารถอยู่ในสภาพอากาศชื้นๆ ไม่ชอบแสงแดดเท่าไหร่เพราะจะทำให้ตายได้ ซึ่งรดน้ำแค่ตอนเช้าวันละครั้งเค้าก็อยู่ได้ละ จึงเป็นที่นิยมปลูกกันทั่วโลก 2. เฟิร์นบอสตัน (Boston fern) แน่นอนว่าต้องเป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบความชื้น แต่แนะนำว่าควรโดนแสงแดดบ้าง ส่วนใบมีลักษณะเป็นพุ่มสวยมีความคล้ายขนนกเรียงสลับกัน อีกทั้งเฟิร์นบอสตันยังช่วยดูดสารพิษและความชื้นได้ดี โดยรดน้ำวันละ 2
รวมต้นไม้ใบสีชมพู น่ารักกรุบกริบ เห็นแล้วต้องมีปลูกแล้ว!! มารับบทสาวหวานรักธรรมชาติกัน แต่ละต้นดีงามมาก อยู่บ้านรับรองแฮปปี้ สดชื่นสุดๆ แต่จะมีต้นแบบไหนบ้าง ตามมาดูกัน ใบสีชมพูพาสเทลน่ารัก ต้นนี้สายมูนิยมปลูกกัน เพราะดีตามชื่อเลย เดี๋ยวจะลองซื้อมาปลูกบ้าง ต้นนี้เลี้ยงง่าย ฟอกอากาศได้ด้วย เป็นต้นไม้ที่ฟอกอากาศได้ นิยมปลูกในบ้าน ตั้งในห้อง เพราะสวยเก๋ ดูมินิมอลสุดๆ ดูแลง่าย ชอบแสงรำไรในบ้าน หมั่นเช็ดใบจะยิ่งเงางาม ใบสวยมี 3 สี
ใครที่เป็นคนรักต้นไม้ต้องฟังทางนี้เลยค่า เพราะวันนี้เรามีเคล็ดลับการปลูกต้นไม้ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มความสดใสให้กับบ้านของคุณแล้ว ยังช่วยคลายเครียดได้อีกด้วยมาฝาก! ใครที่กำลังเครียดๆ เปลี่ยนมาแก้ไขปัญหาด้วยการหันมาปลูกต้นไม้เหล่านี้กันดีกว่า ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นต้นไม้ที่ปลูกในบ้านได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะอันตรายนะจ๊ะ! ต้นไม้ที่ปลูกในบ้านได้ : เยอบีร่าและเดซี่ พืช 2 ชนิดนี้จะให้ผลดีต่อการนอน เพราะพืชส่วนใหญ่มักจะคายออกซิเจนช่วงเวลากลางวัน แต่พืชทั้งสองชนิดนี้จะปล่อยออกซิเจนทั้งยามคุณหลับและยามตื่น เพียงแค่ลองนำไปไว้ในห้องนอนดูค่ะ คุณจะรู้สึกหลับสบายขึ้นเยอะ! ต้นไม้ที่ปลูกในบ้านได้ : ไผ่และปาล์ม พืช 2 ชนิดนี้ช่วยให้ความชุ่มชื้น ทั้งยังช่วยดูดซับสารพิษในบ้านอย่าง ‘ฟอร์มัลดีไฮด์’ หรือสารในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
การปลูกแคคตัสหรือต้นกระบองเพชรเป็นเทรนด์ที่ไม่มีวันตกยุค เพราะแคคตัสเป็นพืชทนแดด ทนร้อน เหมาะกับอากาศเมืองไทย แถมไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะและไม่ต้องดูแลแบบพิถีพิถันก็ปลูกได้ แต่สำหรับคนรักแคคตัสการปลูกในกระถางอาจดูธรรมดาหรือน่าเบื่อเกินไป แล้วแบบนี้จะมีไอเดียจัดสวนแคคตัสอย่างไรให้แปลกตาและแปลกใหม่บ้าง ? เรามีแนวทางการจัดสวนแคคตัสมาฝากแล้วค่ะ ไม่ว่าจะมีพื้นที่เยอะ พื้นที่น้อย อยากจัดสวนกระบองเพชรหน้าบ้าน หรือไม่มีพื้นที่กลางแจ้งก็จัดสวนแคคตัสสวยๆ ได้ 5 ไอเดียจัดสวนแคคตัส พื้นที่เล็กหรือใหญ่ก็ปลูกแคคตัสให้สวยได้ 1. ปลูกลงดินธรรมชาติ รับแสงในโรงเรือน เราเชื่อว่าหลายคนคงติดภาพว่าแคคตัสต้องปลูกในกระถางเท่านั้น แต่ความจริงแล้วต้นกำเนิดของเขามาจากทะเลทราย เราจึงสามารถนำธรรมชาติของเขามาเป็นไอเดียจัดสวนแคคตัสได้เลย นั่นก็คือการปลูกลงดินในโรงเรือน โดยดินที่เราใช้ปลูกต้องเป็นดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี
หากพูดถึงกระบองเพชรทุกคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นต้นไม้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่รู้หรือไม่? ว่ากระบองเพชรนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์และมีวิธีการดูแลที่ต่างกัน วันนี้เราจึงมี 4 Tips เลือกสายพันธุ์กระบองเพชรมาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ 1. สถานที่ปลูก เพื่อนๆ แต่ละคนย่อมมีสถานที่ปลูกที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น บริเวณระเบียง ภายในอาคาร และบริเวณกลางแจ้ง ซึ่งแน่นอนว่าแสงแดดในแต่ละสถานที่นั้นย่อมมีความแตกต่างกันออกไป ฉะนั้นการเลือกสายพันธุ์กระบองเพชรก็ต้องมีความต่างด้วยเช่นกัน เพื่อการเจริญเติบโตที่ดีนั้นเอง – บริเวณระเบียง มักเป็นส่วนที่ได้รับแสงแดดร่ำไร ซึ่งอาจจะเลือกปลูก แอสโตรไฟตัม และ ปราสาทนางฟ้า ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ชอบแดดจัด แต่ควรได้รับแสงแดดในช่วงเช้า – ภายในอาคารหรือโต๊ะทำงาน ควรเลือกจุดที่แสงส่องผ่านอย่างน้อย
บ่อยครั้งที่เรารับต้นใหม่เข้าบ้าน ทำให้เราไม่รู้ประวัติของต้นก่อนจะมาถึงเรา และไม่ทราบสาเหตุ ที่ทำให้เรานำไม้มาปลูกแล้วเกิดปัญหา ต้นไม่โต รากไม่เดิน หรือแย่สุดคือ รากเน่าจนกินเข้ามาจนถึงแกนต้น และเน่าลามจนเกิดเยี่ยวยา แต่ข้อสันนิษฐาน คือ ให้สังเกตไม้ก่อนนำเข้าบ้านว่า มีลักษณะสมบูรณ์หรือไม่ รากยังขาวแข็งแรงไม่เหี่ยวแห้ง ต้นไม่มีอาการนิ่ม หรือฝ่อบริเวณโคน เพราะอาการเหล่านี้ สามารถบ่งชี้ถึงสภาพแวดล้อมหรือการเลี้ยงก่อนหน้านี้ได้ว่า อาจจะได้รับน้ำไม่เพียงพอ หรือ ถ้าเป็นไม้ที่ถอดรากมา จะไม่เห็นสภาพของดินเดิม ก็อาจจะทำให้ยากต่อการประเมิน อาจจะต้องใช้วิธีทดลองปลูกก่อน และถ้าในระยะเวลา