พืชกินแมลง มีอะไรบ้าง ? มาดูต้นไม้กินแมลง 9 ชนิด ต้นไม้จัดสวนสวยแปลก น่าปลูก เลี้ยงง่าย ดูแลไม่ยาก ช่วยกำจัดแมลงได้
นอกจาก ไม้ดอก ไม้ประดับ ทั่วไปแล้ว ต้นไม้ชอบน้ำ ปลูกได้ทั้งที่บ้านและคอนโด ต้นไม้กินแมลงก็เป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่น่านำมาจัดสวนไม่น้อย เพราะทั้งสวยงาม แปลกตา โดดเด่น ทว่าหลายคนคงสงสัยใช่ไหมล่ะคะว่า ต้นไม้กินแมลงมีชื่ออะไรบ้างและจะเลี้ยงดูยังไง ถ้าอย่างนั้นก็ตามไปชมพืชกินแมลงที่เรารวบรวมมาฝากกันเลยค่ะ
1. กาบหอยแครง
![](https://banton-mai.com/wp-content/uploads/2021/09/01.jpg)
กาบหอยแครง (Venus Flytraps) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dionaea Muscipula จัดอยู่ในวงศ์ Droseraceae เป็นต้นไม้ที่มีลำต้นเป็นกาบอยู่เหนือดิน ปลายกาบมีซี่แบบฟันปลาประมาณ 15-20 ซี่ แต่ละซี่ผลิตน้ำหวานไว้ดักจับแมลง สีสันหลากหลาย มีขนด้านใน และตัวกาบจะตายเมื่อจับเหยื่อได้ 7-10 ครั้ง ส่วนใบมีลักษณะคล้ายหัวใจ
ดอกออกสีขาว แดง และแสด ก้านดอกยาว ส่วนมากบานเพียงดอกเดียว ผลเป็นฝัก มีเมล็ดข้างใน โตได้ดีในดินที่ผสมขุยมะพร้าวสับ ควรปลูกให้รากจมน้ำครึ่งหนึ่ง ชอบอากาศอบอุ่น ต้องการแสงแดดปานกลาง ไม่ต้องการน้ำมาก ไม่ต้องให้ปุ๋ยเคมีเพราะจะทำให้รากไหม้ และหมั่นเปลี่ยนวัสดุปลูกทุก ๆ 1-2 ปี
2. หม้อข้าวหม้อแกงลิง
![](https://banton-mai.com/wp-content/uploads/2021/09/02.jpg)
หม้อข้าวหม้อแกงลิง (Monkey Cups) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Nepenthes Mirabilis จัดอยู่ในวงศ์ Nepenthaceae ลักษณะเป็นไม้เลื้อย ใบเลี้ยงคู่ มีหม้อเป็นกระเปาะห้อยอยู่ปลายใบ มีต่อมน้ำหวานล่อเหยื่อที่ปากและฝา ในกระเปาะมีขี้ผึ้งและต่อมเล็ก ๆ ผลิตน้ำย่อยที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ไว้ย่อยซากเหยื่อก่อนดูดซึมสารอาหาร
ดอกออกเป็นช่อแยกแขนง แต่ละต้นแยกเพศกัน ส่วนใหญ่จะออกเมื่อโตเต็มวัย ผลเป็นทรงรี มีเมล็ดคล้ายเส้นด้ายจำนวนมาก นิยมขยายพันธุ์ด้วยการปักชำและเพาะเมล็ด ปลูกด้วยกาบมะพร้าวสับและสแฟกนัมมอส ทั้งนี้ควรเปลี่ยนกระถางเมื่อต้นมีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถปลูกกลางแจ้งได้ เพราะเป็นต้นไม้ชอบแสงแดดตลอดวันและชอบความชื้นแฉะ ควรรดน้ำลงบนดินวันละ 1-2 ครั้ง
3. หยาดน้ำค้าง
![](https://banton-mai.com/wp-content/uploads/2021/09/03.jpg)
หยาดน้ำค้าง จอกบ่วาย หรือกระดุมทอง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Drosera burmannii Vahl. จัดอยู่ในวงศ์ Droseraceae ลักษณะเป็นไม้ล้มลุกกินแมลงขนาดเล็ก อายุ 1 ปี ลำต้นสั้นติดกับดิน สูงประมาณ 2-3 เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยว รูปมนรี มีขนสีแดงปกคลุม ปลายขนมีน้ำหวานเหนียวเพื่อดักจับแมลง ก้านใบสั้น ส่วนดอกออกเป็นช่อกลางลำต้น มีสีม่วง สีชมพู หรือสีขาว มีขนรอบกลีบรองดอก ผลเป็นทรงแคปซูล ขนาดเล็ก มีเมล็ดสีดำข้างใน ชอบดินและอากาศที่ชื้นแฉะ มักพบตามพื้นที่โล่ง ภูเขาหินทราย ทุ่งหญ้า และใกล้ลำธาร
4. หญ้าน้ำค้าง
![](https://banton-mai.com/wp-content/uploads/2021/09/04.jpg)
หญ้าน้ำค้าง หรือหลายคนอาจจะรู้จักในชื่อมองบ่วาย หนามเดือนห้า และหญ้ายองไฟ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Drosera indica L. จัดอยู่ในวงศ์ Droseraceae เป็นไม้ล้มลุก อายุ 1 ปี ลำต้นเลื้อยตามดิน ส่วนยอดชูตั้ง สูงประมาณ 5-25 เซนติเมตร มีขนปกคลุมทั่วลำต้น ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ ทรงเรียวยาว มีขนปกคลุม ปลายม้วนงอ มีตุ่มใสและน้ำเมือกเหนียวไว้ดักแมลง ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบ เป็นสีม่วงหรือสีชมพู มักออกมากในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ผลเป็นทรงกลม ขนาดเล็ก มีเมล็ดสีดำข้างใน ชอบดินร่วนปนทรายที่มีความชื้นสูงเป็นพิเศษ มักพบตามทุ่งหญ้า พื้นที่โล่ง หรือลานหินชื้น
5. ซาราซีเนีย
![](https://banton-mai.com/wp-content/uploads/2021/09/05.jpg)
ซาราซีเนีย (Sarracenia) เป็นพืชที่ได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งต้นไม้กินแมลง เพราะทั้งสวยงามและดักแมลงดีมาก จัดอยู่ในวงศ์ Sarraceniacese เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี เหง้าอยู่ใต้ดิน ลำต้นสูงไม่เกิน 1 เมตร ใบตั้งตรง ห่อเป็นรูปกรวยคล้ายฝา ปลายใบบานออก ด้านในมีน้ำหวานล่อแมลง มีขนและขี้ผึ้งเป็นกับดัก และส่วนย่อยแมลงไว้ดูดสารอาหารไปเลี้ยงลำต้น
ส่วนดอกเป็นดอกเดี่ยว ก้านดอกยาวสูง ผลรีคล้ายแคปซูล มีเมล็ดเล็ก ๆ ข้างใน มักพบบริเวณที่ชื้นชุ่มน้ำ นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและแยกกอ ชอบดินผสมทรายและสแฟกนัมมอส เหมาะปลูกในที่ที่มีแสงแดดจัดปานกลางและมีความชุ่มชื้น
6. พิงกุย
![](https://banton-mai.com/wp-content/uploads/2021/09/06-1.jpg)
พิงกุย (Pinguicula) หรือบัตเตอร์เวิร์ต (Butterwort) เป็นต้นไม้กินแมลงที่จัดอยู่ในวงศ์ Lentibulariaceae สกุล Pinguicula ลักษณะเป็นไม้ล้มลุก อวบน้ำ ขนาดเล็ก ใบเรียงสลับรอบโคนต้น บ้างเป็นสีเขียวอ่อน บ้างเป็นสีแดง ขอบใบเรียบ ผิวใบมีเมือกลื่น ๆ เหนียว ๆ ไว้ดักจับแมลง ส่องแสงแวววับเมื่อโดนแดด ส่วนดอกเป็นทรงกระบอก มีทั้งสีขาว สีเหลือง สีฟ้า สีม่วง และสีชมพู ก้านดอกชูช่อยาว ผลเป็นทรงแคปซูลและมีเมล็ดเล็ก ๆ ข้างใน ส่วนมากนิยมปลูกประดับบ้านและปลูกไล่ศัตรูพืช มักขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ และสามารถแตกต้นอ่อนที่ปลายใบเพื่อเจริญเป็นต้นใหม่ได้
7. สร้อยสุวรรณา
![](https://banton-mai.com/wp-content/uploads/2021/09/07.jpg)
สร้อยสุวรรณา (Yellow Flower) หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ หญ้าสีทอง, สาหร่ายดอกเหลือง และเหลืองพิศมร เป็นดอกไม้ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานชื่อไว้ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Utricularia bifida L. อยู่ในวงศ์ Lentibulariaceae ลำต้นอยู่ใต้ดิน ไม่มีใบหรือรากจริง เป็นไม้ล้มลุก ขึ้นเป็นกอ สูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร
ใบเป็นใบเดี่ยว ขนาดเล็ก เรียงรอบโคนต้น ขอบเรียบ ผิวเกลี้ยง มีถุงดักจับทรงกลม ขนาดเล็ก ดอกออกเป็นช่อ สีเหลือง รูปปากเปิด ส่วนผลเป็นรูปไข่และมีเมล็ดข้างในจำนวนมาก นิยมปลูกด้วยการเพาะเมล็ด ชอบความชื้นมากและแสงแดดตลอดวัน ส่วนใหญ่พบในบริเวณที่ดินชื้นแฉะ มีน้ำขัง และตามท้องนา
8. ทิพเกสร
![](https://banton-mai.com/wp-content/uploads/2021/09/08.jpg)
ทิพเกสร หรือ หญ้าฝอยเล็ก เป็นดอกไม้กินแมลงที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานชื่อไว้ โดยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Utricularia minutissima Vahl, Enum. จัดอยู่ในวงศ์ Lentibulariaceae ลักษณะเป็นไม้ล้มลุก อายุ 1 ปี ลำต้นมีขนาดเล็กอยู่ใต้ดิน ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปแถบ ผิวเกลี้ยง ขอบเรียบ ออกใกล้พื้นดิน และจะเปลี่ยนเป็นถุงดักจับรูปไข่ ขนาดเล็ก เมื่อต้องการจับแมลง มีดอกออกสีขาวอมม่วงอ่อน รูปปากเปิด ช่อดอกตั้งตรง ส่วนผลเป็นรูปเบี้ยวและเมล็ดเป็นรูปไข่กลับ มักขึ้นตามพื้นที่โล่งและเปียกชื้น ชอบดินชื้นแฉะ อากาศเย็น ต้องการน้ำมาก และแสงแดดจัดเต็มวัน
9. ดุสิตา
![](https://banton-mai.com/wp-content/uploads/2021/09/09.jpg)
ดุสิตา หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อดอกขมิ้นหรือหญ้าข้าวก่ำน้อย เป็นต้นไม้กินแมลงอีกหนึ่งชนิดที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานนามให้ โดยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Utricularia delphinioides Thorel ex Pellegr. จัดอยู่ในวงศ์ Lentibulariaceae ลักษณะเป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก สูงไม่เกิน 25 เซนติเมตร อายุ 1 ปี ใบเป็นใบเดี่ยวรูปหอก คล้ายใบหญ้า เมื่อโตจะม้วนกลมเพื่อดักจับแมลง
มีถุงดักจับที่โคนต้น รูปไข่ขวาง ขนาดเล็ก ส่วนดอกออกสีม่วง มีกลิ่นหอม แทงขึ้นจากโคนต้น มักขึ้นช่วงปลายฝนต้นหนาว มีผลคล้ายแคปซูลและเมล็ดรูปไข่สีดำอมน้ำตาล นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและแยกกอ ชอบดินร่วนปนทราย ชอบความชื้น อากาศเย็น และแสงแดดเต็มวัน มักขึ้นตามดินที่เปียกแฉะ ใกล้หนองน้ำ และตามลานหินที่มีน้ำขัง